หากพูดถึงสัตว์ปีกบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น นก ไก่ เป็ด ห่าน ที่มีทั้งบินได้และบินไม่ได้ ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกเรานั้น รวม ๆ แล้วก็ก็น่าจะมีมากกว่า 10,000 ชนิดเลยนะครับ นกส่วนใหญ่โดยทั่วไปมักมีลักษณะรูปร่าง ขนาด และสีที่โดดเด่น และมีพฤติกรรมการปรับตัวที่หลากหลาย จนแปลกอาจทำให้มันผิดแปลกไปจากนกที่เราเคยเห็น
ซึ่งวันนี้ เราได้ทำการคัดนกมา 10 ชนิดที่คิดว่ามันแปลก และคุณอาจไม่เห็นพวกมันมาก่อนเลยก็ได้ ซึ่งมีนกอะไรบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วเไปรับชมกันได้เลย
1. นกมงกุฏราชาอเมซอน
นี่คือนกที่ดูเลิศมากอีกชนิดบนหนึ่งบนโลกนี้ มีชื่อเรียกว่า รอยัลฟลายแคชเชอร์แอมะซอน (Amazonian Royal Flycatcher) ซึ่งนกชนิดนี้จะมีลักษณะเด่นของขนบนหัวแผ่สยายดูสวยงามราวกับมงกุฎของราชาเลยเนอะ
สามารถพบเห็นได้ในป่าเกือบทั่วลุ่มแม่น้ำแอมะซอน ไม่ว่าจะเป็นในที่ราบลุ่ม ที่อบอุ่น หรือที่ชื้น โดยตัวผู้จะขนสีส้มแดงอยู่บนหัว ส่วนตัวก็จะมีขนสีเหลืองอมส้มนิด ๆ และที่ปลายขนจะเป็นสีดำหรือสีน้ำเงินทั้งตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งโดยปกติมันก็จะเก็บขนที่อยู่บนหัวให้แบนราบ จนดูคล้ายกับนกสีน้ำตาลทั่วไป
มันจะสยายขนขึ้นก็ต่อเมื่อตกใจ หรือเมื่อมันเจอนกตัวเมียที่ถูกใจ เพราะการแผ่ขนบนหัวนั้นเป็นวิธีในการดึงดูดเนื้อคู่นั้นเองครับ
พวกมันจะมีขนาดตัวประมาณ 15-17 เซนติเมตร โดยอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแมลงมีปีก เช่น ผี้เสื้อ แมลงเม่า แมลงปอ จั๊กจั่น เป็นต้น พวกมันได้ได้แค่เป็นเจ้าแม่สายแฟร์ชั่นเท่านั้นแต่มันยังฉลาดในการหาอาหารอีกด้วย โดยพวกมันมักล่าอาหารใต้พุ่มไม้ และเกาะบนกิ่งไม้รออย่างเงียบสงบ เพื่อรอดักจับเหยื่อที่บินผ่านไปมาอีกด้วย
2. นกตัวเหม็น (Hoatzin)
ถึงแม้ว่าบนโลกของเราจะมีนกมากกว่า 10,000 ชนิด แต่สำหรับนกที่กินพืชผักเป็นอาหารก็มีอยู่ไม่มาก และหนึ่งในนั้นก็คือ นกวัตซีน (Hoatzin) ถ้าถามว่าแล้วทำไมนกถึงไม่นิยมกินพืชเป็นอาหาร นั่นก็เพราะพืชผักมีน้ำหนักมาก ให้พลังงานต่ำ และย่อยได้ช้านั่นเองครับ
แต่สำหรับ นกวัตซีน กลับมีมุมมองในด้านนี้ที่แตกต่างออกไป มันได้พัฒนากระบวนการในกระเพาะอาหารของมันให้เหมือนกับวัวเพื่อรับมือกับอาหารที่มีใบ โดยกระเพาะพักอาหารของนกชนิดนี้ จะใหญ่กว่านกทั่วไปหลายเท่า และยังหนักถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักตัวทั้งหมดอีกด้วย
กระเพาะพักของมันต่างจากของนกส่วนใหญ่เพราะไม่ได้มีไว้เก็บอาหาร แต่ทำหน้าที่ย่อยอาหารที่กินไปเกือบทั้งหมด โดยมีลักษณะคล้ายกับทางเดินอาหารของวัว ซึ่งจะเต็มไปด้วยแบคทีเรียและเอนไซม์ที่คอยย่อยสลายเซลลูโลสในใบไม้ เส้นใยมากถึงร้อยละ 70 จะถูกย่อยสลาย แต่ก็ต้องใช้เวลานานเหมือนๆ กับวัว นกวัตซีนใช้เวลาในการย่อยอาหารหนึ่งมื้อถึงสองวัน จึงจัดว่าเป็นนกที่ย่อยอาหารช้าที่สุดในโลก
ข้อเสียของการกินเหมือนวัวคือมันมีกลิ่นตัวที่เหมือนวัวตามไปด้วย และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมนกชนิดนี้จึงมีชื่อที่เรียกว่า “ นกตัวเหม็น ” ซึ่งเกิดจากจากการหมักของกรดไขมันภายในกระเพาะพัก ซึ่งนั้นก็อาจเป็นข้อดีด้วยที่ทำให้มันรอดพ้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอาหารของมนุษย์
3. นกชนหิน
นี่คือ นกชนหิน ( Helmeted Hornbill) ซึ่งมันจัดเป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์นกเงือก และยังเป็นสัตว์สงวนลำดับที่ 20 ของไทยอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันมันอยู่ในเกณฑ์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered หรือ CR)
เนื่องจากถูกคุกคามจากการล่า เพื่อนำไปทำของใช้และเครื่องประดับ หรือเครื่องรางตามความเชื่อ เช่นเดียวกับนกเงือกสายพันธุ์อื่น ๆ ในไทย ในปัจจุบันมีการคาดการณ์กันว่ามีจำนวนของนกชนหินหลงเหลืออยู่ในป่าตามธรรมชาติไม่เกิน 100 ตัว
จุดเด่นของนกชนิดนี้คือ มันจะมีโหนกที่แข็งและตันคล้ายกับงาช้างสีแดง หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “งาช้างสีเลือด ” ซึ่งแตกต่างจากนกเงือกชนิดอื่นที่มีโหนกกลวง โหนกนี้สามารถพบได้ทั้งในนกเพศผู้และเพศเมีย แต่นกเพศผู้จะมีโหนกที่ยาวกว่าเพศเมีย
โดยที่คอของนกชนหินจะไม่มีขนนะครับ ตัวผู้จะมีลักษณะคอเป็นหนังสีแดงเข้ม ส่วนตัวเมียหนังคอสีฟ้าอ่อนแกมม่วง ปลายปากและโหนกด้านหน้ามีสีเหลือง มีขนาดลำตัวตั้งแต่หัวถึงปลายหางประมาณ 110-127 เซนติเมตร และมีปากที่ค่อนข้างสั้น ซึ่งแตกต่างจากนกเงือกชนิดอื่นที่ค่อนข้างแหลมและเรียวยาว
มีถิ่นอาศัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ทั้งในป่าประเทศพม่า บางพื้นที่ของมาเลเซีย บางพื้นที่ของอินโดนีเซีย บรูไน และทางตอนใต้ของไทย อาหารหลักของนกชนหินคือ ลูกไทร นอกจากนี้ก็ยังมีแมลงและสัตว์ขนาดเล็ก ๆ อีกด้วย
ถือเป็นสายพันธุ์นกที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เพราะช่วยกระจายพันธุ์ไม้ในป่าได้มากมาย อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนั้นอีกด้วย
4. นกโมฮอร์กสุดเท่
นก ค็อกออฟเดอะร็อก (Cock-of-the-Rock) เป็นนกขนาดใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในป่าเมฆแอนเดียนในอเมริกาใต้ เป็นนกประจำชาติของประเทศเปรู และมีอยู่ 2 สปชีส์เท่านั้น คือ กัวอานัน(Guianan) และ แอนเดียน(Andean)
โดยจะแตกต่างกันตรงที่ สปชีส์แอนเดียน จะมีขนสีดำแซมตามปีกแล้วก็หาง แต่วันนี้เราจะขอนำเสนอเป็นสปชีส์อันเดียน นะครับ
นกอันเดียน ค็อกออฟเดอะร็อก (Andean Cock-of-the-Rock) จะมีความประมาณ 27-32 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ปี
โดยตัวผู้จะมีสีสันของขนที่สวยงาม และมีหงอนทรงพัด หรือโมฮอร์ก สุดอันเป็นเอกลักษณ์ที่เอาไว้ใช้ดึงดูดตัวเมียนะครับ ส่วนสาวๆ นั้นจะสีขนน้ำตาลที่ดูธรรมดามากๆ รวมไปถึงในวัยเด็กของลูกนกตัวผู้ ก็จะมีขนสีเดียวกับตัวเมีย เมื่อโตขึ้นขนก็จะเริ่มเปลี่ยนสี พวกมันมักจะทำรังอยู่บนหน้าผามากกว่าทำรังอยู่บนต้นไม้
ในการหาคู่ตัวผู้จะเต้นรำและส่งเสียงร้องเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเมีย และเมื่อได้จับคู่กันแล้ว ตัวเมียจะแยกตัวออกไปใช้ชีวิตลำพัง ทำรังในกองหิน และดูแลฟักไข่ โดยเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ตามลำพัง
5. นกโจรสลัด
นกโจรสลัดแมกนิฟิเซนต์ หรือ นกโจรสลัดใหญ่ (Magnificent Frigatebird) คือนกทะเลขนาดใหญ่ อันดับเดียวกับนกกระทุง เป็นหนึ่งในสายพันธุ์นกทะเลที่ใหญ่สุดในโลก ขนสีดำ ลำตัวยาว 90 – 120 เซนติเมตร เมื่อสยายปีกแล้ว วัดความยาวจากปลายปีกทั้งสองข้างได้ถึง 2 เมตรกว่า ๆ
มีถิ่นอาศัยในเขตร้อน ตั้งแต่ทางตอนเหนือของเม็กซิโก เปรู บราซิล ริมฝั่งทะเลแปซิฟิก รวมไปถึงเกาะกาลาปากอสและเกาะเคปเวิร์ด มันมีหรือฉายาว่า เรือรบบินได้ เพราะเป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก ๆ
เนื่องด้วยความที่นกโจรสลัดใหญ่ดำน้ำไม่ได้ เหยื่อหลัก ๆ ของมันจึงเป็นพวก ปลาบิน ซึ่งในบันทึกของวิลเลียม แดมเปียร์ (William Dampier) นักสำรวจชาวอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1697 ระบุไว้ว่า มันร่อนอยู่บนฟ้าราวกับว่าวมีชีวิต เมื่อใดที่เห็นปลาบิน มันจะพุ่งลงมาโฉบอย่างรวดเร็วและแม่นยำอย่างน่าทึ่ง
นกโจรสลัดใหญ่มีพฤติกรรมบูลลี่นกชนิดอื่นให้สละอาหารให้มัน เป้าหมายมักจะเป็นนกนางนวลหรือนกทะเลที่ตัวเล็กกว่า โดยเมื่อนกเหล่านี้ล่าเหยื่อมาได้ นกโจรสลัดใหญ่จะไล่ตามรังแกสารพัด จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมคายเหยื่อออกมา
และนั่นคือช่วงเวลาโชว์เก๋า มันจะพุ่งไปงับเหยื่ออย่างไว ในช่วงระยะไม่กี่วินาที ก่อนที่เหยื่อจะตกลงไปในน้ำ นอกจากนั้น นกโจรสลัดใหญ่เพศผู้จะแตกต่างจากตัวเมียโดยมีถุงลมสีแดงที่คอ เมื่อถึงฤดูหาคู่ มันจะพองถุงลมออกมาให้ใหญ่ที่สุดเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเมียอีกด้วย
6. นกอัมเบลลาเบิร์ด
นี่คือนกที่มีชื่อว่า อัมเบลลาเบิร์ด (Long-Wattled Umbrellabird) หรือบางทีก็เรียกว่า นกหงอนร่มเหนียงยาว ด้วยลักษณะพิเศษไม่เหมือนใครของนกชนิดนี้ คือตัวผู้นั้นที่มันจะมีเหนียงสีดำปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ ยื่นออกมาบริเวณเหนือแผงอกใกล้กับจงอยปาก ส่วนตัวเมียจะไม่มีเหนียงนะครับ
เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้จะส่งเสียงร้องของมันให้ดังไปทั่วป่า เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวเมีย ซึ่งหน้าที่ของเหนียงปริศนาที่เรารู้ในตอนนี้มีเพียงข้อเดียวคือ การเอาไว้ใช้สำหรับเสริมสร้างบุคลิกให้สง่างาม และเวลาที่มันบินเหนียงนี้ก็ยังสามารถยืดหดได้อย่างอิสระอีกด้วย จัดว่าเป็นหนึ่งในนกที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก จริงๆ เลยนะครับ
อีกทั้งพวกมันยังเป็นนกเฉพาะถิ่นที่ชื่นชอบการอยู่แบบโดดเดี่ยว สามารถพบได้ในโคลอมเบีย และเอกวาดอร์เท่านั้น โดยบ้านหลังโปรดของพวกมันจะอยู่ในต้นไม้บริเวณพื้นที่ป่าเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 500 – 1,800 เมตร ในแถบเทือกเขาแอนดีส
เมนูโปรดของพวกมันคือผลไม้ป่า อาหารเสริมคือแมลง และสัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก ด้วยความพิเศษ และความหายาก พวกมันจึงกลายเป็นที่ต้องการของวงการตลาดค้าสัตว์มืด จึงถูกพรานใจโฉดตามล่า จนจำนวนประชากรลดลงอย่างน่าเป็นห่วง แต่ก็ยังโชคดีขึ้นมาหน่อย เพราะตอนนี้พวกมันถูกจัดเป็นสัตว์คุ้มครองโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN แล้วนั่นเอง
7. นกราชาแห่งแซกโซนี
นี่คือ นกคิงส์ ออฟ แซกโซนี (King of Saxony Bird of Paradise) ถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์นกที่มีความสวยงามมากที่สุดชนิดหนึ่งบนโลกนี้เลยก็ว่าได้
ลักษณะเด่นของนกชนิดนี้นั้นก็คือ บริเวณเหนือดวงตากลมใสดำสนิทของตัวผู้จะมีก้านสีขาวโผล่พ้นออกมาประดับด้วยขนเล็ก ๆ เกาะอยู่โดยรอบมีความสวยงามเป็นอย่างมาก โดยจะสามารถยาวได้ถึง 50 เซนติเมตร ซึ่งยาวกว่าขนาดลำตัวของนกถึง 1 เท่า เพราะนกคิงส์ ออฟ แซกโซนี ที่โตเต็มวัยจะมีความยาวได้ประมาณ 22 เซนติเมตร
ส่วนตัวเมียจะไม่ก้านสีขาวนี้ครับ และนกตัวผู้จะเกี้ยวพาราสีตัวเมียด้วยการเปล่งเสียงร้องที่ดังกังวาล พร้อมกับโชว์ขนสีขาวโดยการแกว่งไปมา เพื่อเพิ่มจุดดึงดูดให้ตัวเมียหันมาสนใจมันมากขึ้น
สามารถพบเจอพวกมันได้ตั้งแต่เทือกเขาเวย์แลนด์ทางตะวันตกของ นิวกินี ไปจนถึง ป่าเขาในประเทศปาปัวนิวกินี ที่ ระดับความสูง 1,300–2,850 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เพราะด้วยความสวยงามของก้านขนสีขาวที่ตัวผู้มี มันจึงมักถูกล่าโดยชนพื้นเมือง เพื่อเอาขนดังกล่าวเป็นตกแต่งในพิธีการต่าง ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังไม่เข้าขั้นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แต่เชื่อว่าถ้ายังล่ามันแบบนี้อยู่อีกไม่นานพวกมันคงได้สูญพันธุ์แน่ ๆ
8. นกหนวดสุดเฟี้ยว
นกสุดเท่ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้มันคือ นกนางนวลอินคา(Inca Tern) ความโดดเด่นของมันก็คือ ขนที่ดูเหมือนหนวดอย่างที่คุณเห็นนั้นแหละครับ
ลักษณะทั่วไปของ นกนางนวลอินคา ลำตัวจะมีสีเทาเข้ม มีความยาว 40-43 เซนติเมตร จะงอยปากและเท้ามีสีแดง ปีกและหางจะยาว ส่วนหัวมีสีดำและใต้ตาจะมีหนวดสีขาวที่ยาวไปจนถึงด้านหลังของหัวและใต้หนวดที่เป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นจะมีปากสีเหลืองเล็กๆ แต่ถ้าเป็นนกที่อายุน้อย ตัวของจะเป็นสีเทาอ่อน เท้าและจะงอยจะเป็นสีดำแทน
พวกมันสามารถทำรังด้วยอะไรก็ได้ ทั้งจากวัสดุธรรมชาติและไม่ธรรมชาติ และที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในตึกร้าง กระท่อมตามเกาะต่างๆ หรือตามกองเหล็กกองไม้ แต่ถ้าที่ไหนมีหนูหรือแมว มันจะไม่ทำรังที่นั้นทันที
สามารถพบพวกมันได้แถวชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้จากเปรูตอนเหนือไปจนถึงชิลีตอนกลางซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกครองโดยอาณาจักรอินคาอันยิ่งใหญ่ มันจึงได้ชื่อตามชนเผ่านั้น มันมีลักษณะนิสัยชอบเข้าสังคม อยู่เป็นฝูง และชอบกินปลาแอนโชวี่(Anchovy) ถ้าบ้านเราก็เรียกปลากะตัก นั่นแหละครับ
แต่ด้วยความที่มันอาศัยปลาแอนโชวี่(Anchovy)ในการดำรงชีวิต เมื่อไหร่ที่ปลานี้ขาดแคลน หรือมีการทำประมงเกินกว่าปกติ เมื่อนั้นนกเหล่านี้อาจตกอยู่ในอันตรายและเสี่ยงสูญพันธุ์ได้
9. นกพญาปากกว้างหางยาว
ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่นก เอลวิด นะครับ แต่มันมีชื่อว่า นกพญาปากกว้างหางยาว (Long-tailed Broadbill) โดยทั่วโลกเนี่ยจะมีนกนกพญาปากกว้าง 11 ชนิด และในประเทศไทยของเราจะสามารถพบเจอในธรรมชาติได้ 7 ชนิด และที่นำมาให้ชมกันวันนี้คือ นกพญาปากกว้างหางยาว เพราะเราคิดว่ามันเท่ดี
ลักษณะโดยทั่วไป หัวจะมีสีดำที่ดูคล้ายกับใส่วิก หรือไม่ก็ใส่หมวกกันน็อค มีหางสีฟ้ายาวกว่านกพญาปากกว้างชนิดอื่น และยังมีสีสันที่สดใสมาก ปากและขาสีเหลืองอมเขียว ส่วนลำตัวสีเขียว
แหล่งอาศัยหากินของพญาปากกว้างหางยาวเป็นป่าดงดิบในระดับความสูง 500-2,000 เมตร แต่อาจลงมาหากินต่ำถึงระดับ 50 เมตรจากระดับน้ำทะเลบ้างในบางครั้ง
พวกมันจะกินแมลงเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นตั้กแตน หนอน จั้กจั่น หรืออื่นๆ ตามแต่จะเสาะหามาได้ โดยปกติแล้วนกพญาปากกว้างหางยาวไม่ใช่นกที่เราจะพบเห็นได้ง่ายนัก
เพราะเป็นนกที่อาศัยหากินในป่าดงดิบ แต่ในช่วงทำรัง พวกมันจะเลือกหาสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัย และต้องหาวัสดุมาสร้างรัง ดังนั้นจึงมีจุดที่แน่นอนที่จะพบมันในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้คนที่ต้องการเห็นตัวมันชัด ๆ จึงสามารถเห็นได้ในช่วงเวลานี้นั่นเอง
10. นกตบยุงยักษ์
‘นกตบยุงยักษ์’ (Great Eared Nightjar) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าเขตร้อนพบได้ตั้งแต่อินเดียตะวันตกเฉียงใต้ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือในประเทศไทยเองก็มีรายงานการพบเห็นทางภาคเหนือตอนล่างด้วยเช่นกัน
จุดเด่นของนกตบยุงยักษ์ก็คือหูขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นขึ้นมา จงอยปากสั้น มีขนาดตัวอยู่ระหว่าง 31 ถึง 41 เซนติเมตร เพศผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 131 กรัม และตัวเมียมีน้ำหนักเฉลี่ย 151 กรัม
นกตบยุงยักษ์จะออกหากินในเวลากลางคืน สร้างรังบนพื้นดิน ส่วนลูกนกจะสามารถพรางตัวได้ดีท่ามกลางใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น ต้องขอบคุณขนสีน้ำตาลของพวกมันที่ทำให้การพรางตัวเป็นไปได้อย่างแนบเนียน
ถ้าหากคุณมองดี ๆ นกตบยุงยักษ์ดูราวกับสัตว์พันธุ์ผสมที่ดูไม่เหมือนนกทั่วไป ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมองว่ามันคล้ายกับเจ้า ‘ เขี้ยวกุด ’ ที่โด่งดังในภาพยนต์แอนิเมชัน แล้วคุณคิดว่ามันคล้าย ไหม???
ก็จบกันไปแล้วนะครับกับนกบางชนิดที่เราคิดว่ามันแปลก จึงได้คักเลือกมาให้ทุกท่านได้รับชม และหวังว่าจะชื่นชอบกันนะครับ
ที่มา : โอ้โหจริงดิ