ในวัยเด็กของทุกคนจะถูกปลูกฝังเอาไว้ว่าไม่ควรพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่หน้าไว้ใจอยู่แล้ว แต่เมื่อโตขึ้นคุณอาจจะต้องเรียนรู้วิธีในการเอาตัวรอดหรือระมัดระวังตัวให้มากขึ้นจากอันตรายที่เข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้สามารถขอความช่วยเหลือได้ หรือแม้แต่การเอาตัวเองออกจากความเสี่ยงเหล่านั้น
วิธีในการปฏิบัติต่าง ๆ ที่สามารถใช้ได้ในเหตุการณ์จริงที่คุณไม่คาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไหร่ ดังนั้นเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเหล่านี้เอาไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเองก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
1. เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกบุคคลอื่นเดินตาม
การเดินทางในที่เปลี่ยวคือสิ่งที่คุณต้องควรระวังตัวเองเป็นอย่างยิ่ง การที่คุณระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย ไม่ได้เป็นผลกระทบที่ส่งถึงใครจากการกระทำของคุณ และแทนที่คุณจะมัวแต่คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นนั้นควรใช้สติในการป้องกันตัวเอง หรือทำตามวิธีดังนี้
- ไม่ควรใส่หูฟังในขณะที่กำลังเดิน เพราะมันจะทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
- การก้มหน้าก้มตาเดินเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็นอันตรายกับคุณได้มากกว่า และควรมองสำรวจบริเวณรอบ ๆ ขณะเดิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณและทำให้คุณไม่รู้สึกกลัว
- ไม่ควรเดินและระแวงมองไปข้างหลังอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้ามีคนเดินตามคุณจริง ๆ อาจจะทำให้พวกเขารู้ว่าคุณรู้ตัวเเล้ว และเริ่มลงมือทันที
- หากมีคนเดินตามคุณก็ให้รีบเข้าไปในที่ที่มีคนเยอะ ๆ
- หากเหตุการณ์นี้เกิดในเวลากลางคืนควรรีบไปในที่ที่มีแสงสว่างมาก ๆ และมีผู้คน ไม่ควรหนีไปในซอยแคบ ๆ หรือที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย
และอีกวิธีที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาตามคุณจริงหรือไม่ ? คือการแกล้งทำเป็นเดินกลับไปเส้นทางเดิม โดยทำเป็นว่าลืมของหรือกระเป๋าตังค์หาย และเดินกลับมาหากเขายังเดินตามอยู่มันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ในกรณีนี้คุณต้องรีบไปในที่ที่มีผู้คนมากมายหรือโทรแจ้งตำรวจ และอีกวิธีหนึ่งถ้าคุณไม่มีที่ไปจริง ๆ ให้แกล้งทำเป็นกระเป๋าสตางค์ของคุณหล่นลงมา หรือแกล้งโยนกระเป๋าตังค์ลงที่พื้น อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงถูกติดตามตั้งแต่แรก ในกรณีนี้คุณควรห่วงชีวิตของคุณมากกว่าห่วงเงินของคุณ
2. เมื่อคุณถูกคนแปลกหน้าคุกคาม
สำหรับคนปกติอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกให้คุณเห็น ยกเว้นเมาสุราหรือคนไม่มีมารยาทเท่านั้นที่จะทำพฤติกรรมคุกคามแบบนี้ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นเราจึงขอแนะนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากทุกคนที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ สามารถนำไปปฏิบัติตามได้เลย ดังนี้
- อย่าแสดงสีหน้าว่ารู้สึกกลัว หรือรู้สึกโกรธ เพราะมันอาจจะไม่ส่งผลดีต่อคุณเลยแม้แต่น้อยนิดให้แสดงสีหน้าเป็นกลางเอาไว้ การกระทำแบบนี้มีผลทางจิตใจ: ผู้คุกคามตระหนักดีว่าคุณไม่ใช่แค่วัตถุ แต่เป็นบุคคล การทำร้ายบุคคลนั้นยากกว่า“ สิ่งของ”
- หากมีคนแปลกหน้าเข้ามานั่งใกล้ชิดกับคุณจนเกินไป (ในพื้นที่สาธารณะที่มีที่นั่งว่างอยู่มากมาย) ให้คุณรีบหาสิ่งอื่นมาวางเพื่อกีดขว้างทันที และอย่าใช้มือของคุณไปผลักหรือสัมผัสเขาก่อนเด็ดขาด คุณสามารถพูดอย่างหนักแน่น : “ ฉันต้องการให้คุณอยู่ห่างจากฉัน” หรืออะไรทำนองนั้น แต่อย่าลืมใช้สรรพนาม “ ฉัน” สิ่งนี้มีผลเช่นเดียวกับการแสดงออกทางสีหน้าที่เป็นกลาง
- คุณสามารถทำให้ผู้ทำร้ายนึกถึงแม่ของพวกเขาได้ ถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและสุภาพว่า “แม่ของคุณรู้ไหมว่าเป็นคนแบบนี้ ชอบก่อกวนผู้อื่น” วิธีนี้อาจจะช่วยสงบสติอารมณ์ของเขาได้ถ้ามีจิตสำนึกมากพอ
- เมื่อคุณเดินผ่านกลุ่มคนหรือบุคคลที่อาจเป็นอันตราย และส่งเสียงผิวปาก บีบแตร หรือส่งเสียงเรียกร้องแซวคุณ พวกขาเหล่านี้เป็นบุคคลที่ค่อนข้างไม่เป็นอันตรายกับใครเท่าไหร่ ซึ่งคุณสามารถตอบโต้พวกเขาได้ อย่างเช่น ให้หยิบของที่คุณถืออยู่ เช่นกระเป๋าถือไว้ในมือซ้ายและปล่อยให้มือขวาว่าง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณดูมีความเสี่ยงน้อยลง
อย่างไรก็ตามการหลีกลี่ยงตัวเองไม่ให้อยู่ในสถานการณ์ที่สี่ยงต่ออันตรายการถูกคุกคามถือเป็นเรื่องที่ดีกว่าอยู่แล้ว
3. เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าลิฟต์ไปกับคุณ
หากคุณรู้สึกหวาดกลัวกับลักษณะหน้าตาหรือท่าทางของบุคคลที่กำลังจะขึ้นลิฟต์ไปกับคุณก็แสร้งทำเป็นว่าลืมของเพื่อปฏิเสธว่าจะไม่ร่วมขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับบุคคลนั้นโดยไม่น่าเกียจได้ แต่ถ้าคุณไม่สามารถนำตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้อย่างแนบเนียนและต้องขึ้นลิฟต์ไปกับบุคคลนั้น ก็สามารถทำตามวิธีที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ได้ ดังนี้
- ให้คุณยืนหันหลังบริเวณแผงปุ่มกดของลิฟต์ตัวนั้น เพื่อให้คุณสามารถกดปุ่มเปิดปิด หรือปุ่มขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดเดาเกิดขึ้น
- อย่ายืนหันหลังหรือเอียงข้างให้กับคนแปลกหน้าเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณไม่สามารถเห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
- พกอุปกรณ์ที่คุณสามารถปกป้องตัวเองได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
คุณสามารถสังเกตพฤติกรรมของคนแปลกได้ว่าถ้าหากเขาไม่มองที่แผงปุ่มกดต่าง ๆ นั้นเลย หรือไม่พยายามที่จะกดปุ่มเลือกอะไรเลยก็ตาม มันเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าคุณไม่ควรเอาตัวเองไว้ตรงนั้น ให้รีบออกไปทันที
4. เมื่อมีคนไม่รู้จักมาเคาะประตูและคุณอยู่บ้านคนเดียว
หากคุณต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่ไม่ควรทำคือการเปิดประตู และควรแกล้งทำเป็นว่าไม่มีคนอยู่บ้าน (อาจจะเป็นอัตรายกับคุณหากทำแบบนี้) เพราะสำหรับโจรขโมยก็จะถือว่าทางสะดวก เพราะเคาะประตูแล้วว่าไม่มีคนอยู่บ้าน ซึ่งคุณสามารถใช้วิธีการสอบถามไปได้ว่าใครคือคนเคาะประตูและต้องการอะไรถึงมาเคาะ และสามารถปฏิบัติตามวิธีนี้ได้ ดังนี้
- หากคนเคาะประตูบอกว่าบาดเจ็บคุณอย่าเพิ่งรีบเปิดประตูช่วยเหลือเขา ยิ่งเป็นคนไม่รู้จักให้คุณลองเสนอไปว่าจะเรียกรถพยาบาลหรือตำรวจให้ถ้าพวกเขารับข้อเสนอก็ถือว่าไม่ใช่โจร
- หากมีคนพยายามเปิดประตูของคุณ โดยที่ไม่สนใจอะไรเลยให้รีบโทรแจ้งตำรวจทันทีและสามารถเปิดเสียงจากวิดีโอเป็นตัวช่วยได้ เช่น เสียงของสุนัขเห่าดุ ๆ
- บ่อยครั้งที่นักต้มตุ๋นหลอกล่อผู้คนด้วยคำว่าบริษัทเป็นผู้ส่งมา ให้คุณถามชื่อบริษัทและเช็คกับทางบริษัทว่าจริงหรือไม่ที่ส่งพนักงานมาก่อนเปิดประตูให้
และหนึ่งในเหตุการณ์ที่พบบ่อยมาก ๆ คือมีผู้หญิงกดกริ่งและขอความช่วยเหลือลักษณะท่าทางของเธอช่างดูไม่เป็นอันตราย และคุณต้องคำนึงว่าโจรทุกวันนี้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งกำลังรอเหยื่อให้มาเปิดประตู
ที่มา : brightside