ถ้าสมมุติคุณรอดชีวิตจากเรือล่ม และแล้วต้องอยู่บนเกาะเหล่านี้จะเป็นอย่างไร

คุณลองจินตนาการดูนะครับ ว่าวันหนึ่งได้มีโอกาสไปล่องเรือเที่ยวอยู่กลางทะเล แล้วอยู่ ๆ ก็บังเอิญเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น จนทำให้เรื่อที่คุณขึ้นไปนั่นเกิดล่มกลางทะเล ทุกคนคนเคราะห์ร้ายเสียชีวิตกันหมด เหลือแต่คุณที่รอดชีวิต แล้วเมื่อคุณลืมตาขึ้นมากลับพบว่า ตัวคุณนั้นอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คุณจะยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอยู่หรือไม่? งั้นเรามาเริ่มที่เกาะแรกกันเลย

1. เกาะกรุยนาร์ด (Gruinard Island), สหราชอาณาจักร

ในอดีตมีข้อมูลระบุเอาไว้ว่า เกาะกรุยนาร์ด เคยเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยป่า แต่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จนทำให้เกาะแห่งนี้ไร้ผู้อยู่อาศัย

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อประมาณปี 1942 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทีหลาย ๆ ประเทศได้ทำการทดลองอาวุธเชื้อโรค และอังกฤษเองได้รับรายงานว่าอาจจะได้รับการโจมตีจากอาวุธเชื้อโรค (Bio Weapons) ซึ่งเป็นเชื้อโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)

อังกฤษจึงซื้อเกาะกรุยนาร์ด (Gruinard Island) จากคนสกอตแลนด์ เพื่อทำการทดลองอาวุธเชื้อโรคแอนแทร็กซ์ อย่างลับๆ นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างระเบิดที่เต็มไปด้วยสปอร์ของโรคแอนแทรกซ์ จากนั้นได้เอาแกะ 80 ตัวมาไว้ที่เกาะ แล้วพวกเขาได้เริ่มจุดระเบิดใกล้กับจุดที่แกะเหล่านั้นถูกล่ามเอาไว้ จึงแกะเริ่มติดเชื้อแอนแทรกซ์และตายภายในไม่กี่วัน

หลังจากการทดลองครั้งนี้ เชื้อโรคก็เริ่มแพร่ระบาดจนสร้างหายนะไปทั่วเกาะ ว่ากับว่ามันทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะต้องตายลงถึง 95% จนคนที่เหลือทั้งหมดต้องย้ายออกจากเกาะ และติดประกาศเป็นเกาะอันตราย

จนถึงปี 1981 เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีผู้คนเข้ามาอาศัย รวมไปถึงพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย รัฐบาลได้เริ่มโครงการทำความสะอาดเกาะพื้นที่เกาะทั้งหมด เพื่อกำจัดเชื้อโรคให้หมดไป และเปิดทางให้ประชาชนเข้ามาอาศัยได้ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้ากลับไปอยู่บนเกาะนรกแห่งนี้อยู่ดี

2. เกาะเซิร์ทซีย์ (Surtsey), ไอซ์แลนด์

ก่อนปี ค.ศ. 1963 พื้นที่นอกชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ไม่เคยปรากฏว่ามีเกาะใดๆ นอกจากหมู่เกาะเวสมาร์นายาส จนกระทั่งในปีนั้นเอง ได้เกิดการปะทุของภูเขาไฟที่อยู่ใต้ทะเลลงไปราว 130 เมตร ทำให้เกาะเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนพ้นผิวน้ำ

การปะทุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี จนกระทั่งในปี 1967 การปะทุก็สิ้นสุดลง จนทำให้ตอนนั้น เกาะแห่งนี้มีพื้นที่รวมประมาณ 2.7 ตารางกิโลเมตร และมันถูกตั้งชื่อว่า เซิร์ทเซย์ (Surtsey) ที่มาจากเทพเจ้าเซิร์ท (Surtr) ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย หรือตำนานนอร์ส ที่เราคุ้นเคยกันดี

หลังจากนั้นเกาะก็ถูกกัดเซาะจากลมและคลื่นจนทำให้ในปี 2012 เกาะเหลือพื้นที่เพียง 1.3 ตารางกิโลเมตร

ตั้งแต่เกิดการระเบิดขึ้น เกาะแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ต้องห้าม เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นอีก จนกระทั่งทางรัฐบาลไอซ์แลนด์ เริ่มเปิดให้นักวิทยาภูเขาไฟได้เข้าไปศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบัน เกาะแห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ต้องห้าม มีบ้านเล็กๆ พียงหลังเดียวเท่านั้นบนเกาะ สำหรับนักวิทยาศาสตร์เพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปศึกษาด้านชีววิทยา และทุกครั้งที่จะเดินทางไปยังเกาะ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะไม่มีใครเผลอนำเมล็ดพันธุ์อะไรก็ตามติดตัวไปด้วยเด็ดขาด

จุดประสงค์หลักของการเข้าไปยังเกาะเซิร์ทเซย์คือการทำความเข้าใจระบบนิเวศน์ที่เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้น โดยไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องใด ๆ เพื่อที่จะได้ส่งผลกระทบบนเกาะให้น้อยที่สุด

และนี่ก็คือเรื่องราวของเกาะเซิร์ทเซย์ เกาะต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้มนุษย์เข้าไปวุ่นวายเด็ดขาด เพราะที่ไหนก็ตาม ถ้าเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ สิ่งที่ตามมาก็คือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

3. เกาะร็อคออล(Rockall Island)

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่คนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ความจริงแล้วมันเป็นเพียงปลายยอดที่โผล่เหนือน้ำของเกาะแก่งและแหล่งปะการังเฮเลนส์ รีฟ ถูกตั่งชื่อให้ว่า เกาะร็อคออล

มีความกว้าง 25 เมตร ยาว 31 เมตรที่บริเวณฐาน ตัวเกาะเป็นแก่นภูเขาไฟที่ถูกกัดเซาะจากน้ำทะเลมาเป็นเวลากว่า 52 ล้านปี มีพื้นที่ใช้สอยบนเกาะแค่ 784 ตารางเมตรเท่านั้น และยังอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่หลายร้อยกิโลเมตรอีกด้วย

มีหลักฐานบันทึกถึงเกาะร็อคออลเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 16 ต่อมาในปีค.ศ. 1955 สหราชอาณาจักรก็อ้างสิทธิครอบครองเหนือเกาะ โดยก่อนหน้านั้น ถือว่าร็อคออลเป็นเกาะที่ไม่อยู่ในความครอบครองของผู้ใด ต่อมาก็มีหลายประเทศที่ออกมาขัดแย้งในการอ้างองสิทธิครอบครองของสหราชอาณาจักร

ส่วนสาเหตุที่หลายประเทศต้องการเกาะนี้ ก็เนื่องจากรอบ ๆ เกาะเป็นแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์ แถมยังมีบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้เกาะนี้ด้วย

ปัญหาสำคัญที่ทำให้เกาะร็อคออลไม่เหมาะที่จะพักอาศัยและเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมากก็คือคลื่นลมที่รุนแรง ตัวเกาะจะโดนคลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดแทบจะตลอดเวลา และหลายครั้งที่คลื่นมีขนาดใหญ่และสูงกว่าจุดสูงสุดของเกาะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว และถึงแม้ว่าที่นี่มันมีความอุดมบูรณ์ทางชีวภาพใต้ทะเล คุณจะลงไปจับมันขึ้นมายังไง

4. เกาะรามรี(Ramree Island, Myanmar)

เกาะที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้มันมีชื่อว่า เกาะรามรี(Ramree Island) ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของรัฐอาระกัน ประเทศพม่า มีพื้นที่ประมาณ 1,350 กิโลเมตร และเป็นหนึ่งในเกาะที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดเกาะหนึ่งในโลก

โดยมีเรื่องเล่าว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเกือบ 1,000 คน ได้ทิ้งชีวิตไว้บนเกาะนี้ นั้นเป็นเพราะว่าเกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของ จระเข้น้ำเค็มจำนวนมาก ซึ่งแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่ ตัวยาวไม่ต่ำกว่าเจ็ดเมตร หนักเกือบหนึ่งตัน และได้ชื่อว่าดุร้ายที่สุด อีกทั้งยังรวมไปถึงงูพิษ และแมงป่อง ที่พร้อมจะคร่าชีวิตทุกคนที่มาเยือน

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1942 ซึ่งเป็นช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาวางกำลังและยึดพื้นที่เกาะนี้เอาไว โดยมีทหารราว 1 พันนาย จากนั้นอังกฤษเคลื่อนกำลังเข้าโจมตีทหารญี่ปุ่น เพื่อยึดจะเกาะรามรี โดยใช้กำลังตีโอบ 2 ปีก ระดมยิง เพื่อขับไล่ทหารญี่ปุ่นออกจากเกาะนี้ไป

ทหารญี่ปุ่น จึงตัดสินใจที่จะถอยหนีเข้าไปในป่าโกงกาง และต้องเดินผ่านน้ำลึกประมาณอก เพื่อไปสมทบกับทหารญี่ปุ่นกลุ่มอื่น

ทหารอังกฤษได้ติดตามไปอย่างช้าๆ เพราะรู้ดีว่าทางที่ทหารญี่ปุ่นนี้ไป มันคือกับดักแห่งความตายตามธรรมชาติ นั่นก็คือ ดงของจระเข้

ตามรายงาน จากกองกำลัง 1,000 นายที่เข้าไปในหนองน้ำบนเกาะรามรี มีเพียง 520 นาย ที่รอดชีวิต โดยเหตุการณ์นี้ จึงทำให้มีการบันทึกในกินเนสส์บุ๊กว่าเป็น โศกนาฏกรรมจากสัตว์ที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากจระเข้ จนเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เกาะจระเข้กินคน”

5. เกาะลิง (Monkey Island)

เกาะนี้รู้จักกันในชื่อ เกาะลิง หรือ Monkey Island เป็นที่รู้จักในวงกว้างครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษ 1930 เมื่อนักไพรเมตวิทยา ได้นำลิงประมาณ 450 ตัว จากอินเดียไปยังเกาะแห่งนี้ เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางสังคมและทางเพศของพวกมัน

แล้ว ไพรเมตวิทยา คืออะไร? มันก็ คือ วิชาว่าด้วยการศึกษาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชั้นสูงสุด (primates) ได้แก่ลิงและคน เป็นต้น

จากการมาเยือนบนเกาะของนักวิจัยครั้งแรกนั้น เกาะที่มีต้นไม้เรียงรายนี้จึงกลายเป็นศูนย์วิจัยไพรเมตแห่งแคริบเบียน ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาและวิจัยลิงที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเปอร์โตริโก

หลายปีที่ผ่านมา ลิงรุ่นต่อรุ่นได้สืบเชื้อสายมาจากสมาชิกรุ่นเดิม และปัจจุบันลูกหลานเหล่านั้นเดินไปทั่วเกาะอย่างอิสระ เล่นบนหาดทรายและสำรวจยอดไม้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ปัจจุบันเกาะนี้ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม เพื่อป้องกันการสัมผัสของมนุษย์โดยไม่จำเป็นกับลิง เพราะอาจไม่ได้รับเชื้อจากลิงบนเกาะนี้แล้วนำไปแพร่เชื้อที่อื่นต่อ

จากข้อมูลประชากรพื้นฐาน ระบุว่าบนเกาะนี้มีลิงมากกว่า 11,000 ตัว และในแต่ละปี นักวิจัยที่มาเยี่ยมเยือนเกาะแห่งนี้เพื่อศึกษาลิงและเจาะลึกฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของเกาะที่มีข้อมูลที่มีอายุมากกว่า 60 ปี นี้ด้วย

6. เกาะงู (lha da Queimada Grande) , บราซิล

อิลยาดาเกย์มาดา กรังจี ( Ilha da Queimada Grande ) เป็นเกาะแห่งนึงที่รู้จักกันในชื่อ Snake island ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศบราซิล มันเป็นเกาะที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นพื้นที่ๆ อันตรายที่สุดในโลก

โดยใครก็ตามที่คิดจะเข้าไปในเกาะแห่งนี้จะพบกับป้ายเตือนที่กล่าวประมาณว่าห้ามเข้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เลยหรอกนะเพราะว่าทางรัฐของบราซิลนั้นเขาก็อนุญาตให้นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปศึกษา

แต่เอาเป็นว่าถึงไม่มีป้ายเตือนคนธรรมดา ๆ อย่างเรา ถ้ารู้ว่าคือเกาะอะไรก็ไม่คิดอยากเข้าไปหรอก เนื่องจากเกาะแห่งนี้เป็นบ้านของงูกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งใน 1,000 กว่าชนิดนี้ก็มีหลายสายพันธุ์ที่มีพิษรุนแรงที่พร้อมปลิดชีวิตคุณได้ไม่ยากเลย

โดยเฉพาะงูพันธุ์โกลเดนแลนซ์เฮดที่เป็นงูพันธุ์หายากที่พบได้บนเกาะเท่านั้นโดยพิษของมันขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก

กล่าวกันว่าจำนวนงูพิษในเกาะนี้มีมากมายมหาศาลขนาดที่ว่าในพื้นที่ 1 ตารางเมตรมีงูเฉลี่ยถึง 5 ตัวเลยทีเดียว เอาเป็นว่าแค่เห็นชื่อเกาะคุณก็คงไม่อยากจะเข้าไปแล้วล่ะยกเว้นแต่ว่าคุณอยากหาเพื่อนเป็นงูนะครับ

7. เกาะโพเวกเลีย (poveglia island)

เกาะโพเวกเลีย ( Poveglia Plague ) หรือเรียกอีกชื่อว่า เกาะผีสิงแห่งเวนิส เป็นเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 42 ไร่ ตั้งอยู่ในทะเลสาบ Venetian ระหว่างเมืองเวนิสและเมืองลิโด้ใน Venetian Lagoon ที่อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี

ที่นี่เคยถูกใช้ให้เป็นด่านกักกันกาฬโรคระบาด (Black Death) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1793-1814 และมีความเชื่อว่ามีวิญญาณของผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตลงที่นี่กว่า 160,000 ดวงอาศัยอยู่

กล่าวว่าดินทุกตารางบนเกาะนี้ประกอบไปด้วยซากศพของมนุษย์ ในปี ค.ศ. 1922 ได้มีการเปิดโรงพยาบาลจิตเวชบนเกาะแห่งนี้และมีเรื่องเล่าว่าแพทย์คนหนึ่งในโรงพยาบาลได้ทรมานและฆ่าคนไข้ของเขาหลายคนอย่างน่าสยดสยอง

แต่ต่อมาแพทย์คนนั้นก็เสียชีวิตด้วยการตกจากหรืออาจถูกโยนออกจากหอระฆัง โรงพยาบาลจึงปิดตัวลงในปี ค.ศ. 1968 ประวัติของเกาะ Poveglia Plague นั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักท้าพิสูจน์เรื่องลึกลับต่างๆ แต่ในปัจจุบันเกาะแห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างและปิดตายจากทางรัฐบาล

ก็จบกันไปแล้วนะครับ กับเกาะสุดอันตรายที่เรานำมาฝากกันวันนี้ มีเกาะไหนก็คุณคิดว่ามันน่าอยู่บ้าง ช่วยบอกเราที่คอมเมนต์หน่อยนะครับ

ที่มา : โอ้โหจริงดิ