บนโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ทั้งบนบก ในน้ำ และบนท้องฟ้า อีกทั้งพวกมันก็ยังมีการแยกย่อยประเภท หรือสปีชีส์กันออกไปอีก นั่นจึงไม่แปลกเลยที่เราไม่รู้จักพวกมันทั้งหมด แต่โชคดีที่ทุกวันนี้มีอินเตอร์จึงทำให้เราค้นหาข้อมูลในสิ่งที่เราสนใจได้ง่ายขึ้น และยังช่วยทำให้เราได้เปิดมุมมองสู่โลกกว้างอีกด้วย
วันนี้เราจึงอยากขอพาทุกท่านไปรับชมสิ่งมีชีวิตที่คุณไม่เคยรู้จักพวกมันมาก่อนเลยก็ได้ ซึ่งแต่ละตัวมันจะแปลกจนทำให้คุณต้องร้องว่า “โอ้โหจริงดิ” ได้หรือไม่ ถ้าพร้อมแล้วเราไปรับชมกันได้เลย
1. งูกินไข่
ต่อให้ไข่จะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ถ้าเจองูสายพันธุ์นี้เข้าไปบอกเลยว่าหวานเจี๊ยบ นี่คืองู แดซซีเพลทิส สกาบรา (Dasypeltis scabra) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า งูกินไข่ นั่นแหละครับ พวกมันเป็นงูที่ไม่พิษ และไม่มีฟัน บ้านของมันอยู่ที่แอฟริกาตะวันออกกลาง และอินเดีย
โดยมันจะใช้การตรวจจับกลิ่นของอึนก เพื่อที่จะเลื้อยตามหารังนก เและเข้าไปดูว่าในรังนั้นมีไข่อยู่หรือเปล่า ถ้าโชคดีในรังมีไข่แต่ไม่พ่อแม่นกอยู่ก็ถือเป็นมันทำบุญมาเยอะ แต่ถ้าเจอพ่อแม่นกก็อาจเจ็บตัวนิดนึง โดยเฉพาะไข่นกกระทาคือ เมนูสุดแซ่บ แบบว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยทีเดียว
ซึ่งเวลาจะกินไข่ มันจะปลดขากรรไกรบนและล่างออกเพื่อทำให้ปากของมันกว้างคล้ายกับงูทั่วไป เพื่อกลืนไข่นกเข้าไปทั้งฟอง
แล้วมันจะค่อย ๆ กลืนไข่เข้าไปในปากจนถึงต้นกระเพาะอาหาร จากนั้นมันก็จะค่อย ๆ ส่ายบิดไปมาเล็กน้อยเพื่อให้ซี่โครงคู่พิเศษ 30 คู่ ที่มีเฉพาะในงูชนิดนี้ทำการทิ่มเจาะเปลือกไข่เพื่อให้ไข่แตก จนทำให้ไข่แดงและไข่ขาวลื่นลงกระเพาะไป จากนั้นมันก็จะขย้อนเอาแต่เปลือกไข่ที่มันไม่สามารถย่อยได้ ออกมาเป็นกากอาหาร
และเนื่องจากมันไม่มีทั้งพิษและเขี้ยว มันจึงใช้ผิวหนังที่เป็นเกล็ดถูกัน เพื่อให้เกิดเสียงเอาไว้ขู่แบบหลอก ๆ ใส่ศัตรูนั่นเอง และในประเทศไทยก็มีงูที่กินอาหารคล้ายคลึงกับงูกินไข่แบบนี้ นั้นก็คือ งูแส้หางม้า ซึ่งงูชนิดนี้สามารถกินไข่ไก่ฟองใหญ่ ๆ เข้าไปได้เกือบทั้งฟองเลยทีเดียว
2. ปลาปอด
ปลาปอด หรือชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า ลังฟิซ ( Lungfish ) เป็นปลาน้ำจืดจำพวกหนึ่ง และเป็นปลาเพียงชนิดเดียวที่หายใจด้วยกระเพราะลม หรือที่หลายคนเรียกว่า ปอด เพราะแทนที่จะหายใจด้วยเหงือกเหมือนปลาทั่ว ๆ ไป นั้นจึงทำให้มันสามารถอาศัยอยู่บนบกได้เป็นเวลานานหลายเดือน หรือเป็นปีเลยนะครับ
ซึ่งปลาปอดได้ชื่อว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต เพราะมันเป็นปลาที่ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างมากนักจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ พวกมันมีระบบทางเดินหายใจที่มีการวิวัฒนาการขั้นสูง ซึ่งสามารถดูดซับออกซิเจนจากอากาศได้โดยตรง เช่นเดียวกับสัตว์บกชนิดอื่น ๆ
ปลาปอดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ปลาปอดแอฟริกา พบในหนองน้ำทวีปแอฟริกาเท่านั้น
2. ปลาปอดอเมริกาใต้ อันนี้จะนิยมนำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เพราะไม่ดุร้าย
3. ปลาปอดออสเตรเลีย ซึ่งพบเฉพาะประเทศออสเตรเลียบริเวณรัฐควีนส์แลนด์เท่านั้น
แต่วันนี้เราจะเน้นไปที่ปลาปอดแอฟริกา นะครับ
ปลาปอดมีรูปร่างคล้ายกับปลาไหล ลักษณะกระดูกส่วนแขนขาคล้ายกับสัตว์ชั้นสูง กล่าวคือครีบทั้งสี่ของมันนั้นทำหน้าที่เป็นแขนและขามาก่อนที่จะวิวัฒนาการกลายเป็นครีบในภายหลังนั่นเอง เมื่ออยู่ในน้ำหรือบนบกที่ชื้นแฉะจะใช้คีบคืบคลานคล้ายสัตวครึ่งบกครึ่งน้ำ โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะอาศัยอยู่ในน้ำตื้น เช่น หนองน้ำและหนองบึง แต่ก็พบได้ในทะเลสาบขนาดใหญ่เช่นกัน
ปลาปอดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แม้ในช่วงที่แหล่งน้ำที่มันอาศัยแห้งขอด โดยจะขุดโพรงในโคลนและปิดผนึกโพรงนั้นไว้ด้วยเมือก ในระหว่างนั้นจะหายใจเอาอากาศโดยตรงผ่านทางถุงลมและจะลดการเผาผลาญพลังงาน อย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นปลาปอดก็สามารถจมน้ำตายได้หากไม่สามารถขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำได้ทันตอนที่น้ำขึ้น
อีกความแตกต่างหนึ่งที่ทำให้มันไม่เหมือนกับปลาธรรมดาทั่วไปก็คือ มันมีท่อที่เชื่อมต่อระหว่างกระเพาะลมกับช่องปาก นั่นหมายความว่ามันมี ” จมูก ” ที่ใช้หายใจนั้นเอง
3. กวางแวมไพร์
ที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่กวางแวมไพร์ หรือซอมบี้นะครับ ถึงแม้ว่ามันจะดูคล้ายก็ตาม กวางชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า Water deer หรือกวางน้ำ จัดเป็นกวางขนาดเล็ก มีถิ่นอาศัยในประเทศจีนและเกาหลี
มีลักษณะลำตัวคล้ายกับกวางทั่วไป แต่มีจุดเด่นตรงที่พวกมันจะมีเขี้ยว 1 คู่ งอกยาวจากริมฝีปากด้านบน สำหรับใช้ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตหรือคู่ครอง จนได้รับฉายาว่า กวางแวมไพร์
ชื่อของพวกมันมาจากพฤติกรรมที่ชอบออกหากินใกล้กับหนองน้ำหรือแม่น้ำ และเป็นนักว่ายน้ำที่เชี่ยวชาญ โดยสามารถว่ายน้ำได้ไกลหลายกิโลเมตรเพื่อไปยังเกาะกลางแม่น้ำ แต่ในปัจจุบันพวกมันกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ทั้งจากนักล่าตามธรรมชาติ และการล่าเพื่อเป็นกีฬา
นอกจากกวางน้ำที่มีเขี้ยวแล้ว ก็ยังมีกวางกวางมัสก์ (Musk deer) อีกหนึ่งชนิด มีถิ่นอาศัยอยู่ในป่าและเทือกเขาสูงทางตอนใต้ของเอเชียซึ่งในอดีตพวกมันถูกล่าอย่างหนักเนื่องจากความนิยมในการนำต่อมกลิ่นของมันไปทำเป็นน้ำหอม ปัจจุบันนี้พวกมันถือเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยากมากเนื่องจากพฤติกรรมรักสันโดษ และอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลนั่นเอง
4. แมงมุมอูฐ
แมงมุมอูฐ หรือ Camel Spider มันมีรูปร่างคล้ายแมงมุมผสมกับแมงป่อง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ทั้งคู่ และถูกจัดให้อยู่ใน อะแรคนิดา (Arachnida)’ หรือสัตว์ขาปล้อง แต่ชื่อสามัญเขาเรียกมันว่าแมงมุมอะนะ งั้นเราก็เรียกว่าตามเขานะ สามารถพบเจอได้ตามทะเลทรายทั่วไป โดยเฉพาะที่ อิรัก และอัฟกานิสถาน
แมงมุมอูฐ (camel Spider) เคยถูกตาหน้าว่าเป็นปีศาจแห่งทะเลทราย เนื่องจากเคยมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยที่ทหารสหรัฐไปรบที่อิรัก พวกเขาได้เจอกับแมงมุมประหลาดที่ขนาดใหญ่เท่ากับรองเท้าคอมแบท กำลังกินซากอูฐอยู่กลางทะเลทราย และพอพวกมันเห็นทหารเข้ามาใกล้พวกมันก็วิ่งไล่ทหารเหล่านั้น
แต่ความจริงแล้วแมงมุมอูฐ มันไม่ได้เป็นอันตรายกับมนุษย์ขนาดนั้น เพราะพวกมันไม่พิษ แต่มีขากรรไกรที่ทรงพลังเอาไว้ฉีกเนื้อของเหยื่อเพื่อกินเป็นอาหาร ถ้าถูกมันกัดก็คงจะเจ็บแต่ไม่ถึงตายอย่างแน่นอน นอกจากนั้นพวกมันยังไม่ชอบแสงแดดเป็นอย่างมาก ดังนั้นที่บอกว่ามันชอบไล่ล่ามนุษย์นั้น ความจริงแล้ว พวกมันก็แค่วิ่งตามเงาคนเพื่อหลบแดดร้อน ๆ เท่านั้นเอง จนทำให้มันถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แมงหลบแดด นั่นเองครับ
5. ไก่ดำที่สุดในโลก
นี่คือไก่ที่ขึ้นว่าดำที่สุดในโลก อายาม ซีมานี่ (Ayam Cemani) คือชื่อของไก่หายากจากประเทศอินโดนีเซีย มันมีสีดำแทบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นขน ผิวหนัง ลิ้น ปาก เนื้อ กระดูก และอวัยวะเครื่องในส่วนมากของมัน ยกเว้นแค่ไข่กับเลือดอะนะที่ยังเป็นสีปกติ
สาเหตุที่ทำให้ดำขนาดนี้นั้นก็เพราะการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่เรียกว่า “ไฟโบรเมลาโนซิส” (Fibromelanosis) จึงทำให้ร่างกายของมันนั้นมีการผลิตเซลล์เม็ดสีดำมากกว่าปกติ แต่ความจริงมันไม่ได้มีแค่ไก่สายพันธุ์นี้เท่านั้นที่มีอาการอย่างนี้ เพราะไก่ดำสายพันธุ์อื่นก็มีอาการแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่า อายาม ซีมานี่ (Ayam Cemani) มันดันมีอาการหนักกว่าเพื่อนเท่านั้นเอง
แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ เพราะอาการแบบนี้มันไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับไก่ เพียงแค่ว่ามนุษย์ดันไปค่าผิด ๆ และชอบกับมันฆ่าและใช้เป็นส่วนหนึ่งให้การประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เพราะเชื่อว่ามันนำมาซึ่งอำนาจ ความโชคดี และความมั่งคั่งอีกด้วย
นอกจากนั้น อายาม ซีมานี่ (Ayam Cemani) ซึ่งเป็นไก่ชนที่นิยมมากสำหรับการชนไก่ในบาหลี เนื่องจากต้นขาของพวกมันมีกล้ามเนื้อมากกว่าไก่ตัวอื่นๆ ซึ่งทำให้พวกมันว่องไวมาก ปัจจุบันพวกมันมักถูกนำไปเลี้ยงเป็นสัตว์อยู่ทั่วโลก ซึ่งในเมืองไทยก็อาจจะด้วย ส่วนรสชาตินั้นมันก็เหมือนไก่ดำทั่ว ๆ ไปนั่นแหละครับ
6. นักล่าตาหวาน
บาทาไร้เงาของ หวง เฟย หง ที่ว่าแน่ ก็ยังต้องหลีกทางทางให้กับสัตว์ชนิดนี้ เพราะมันคือ นกเลขานุการ (Secretary Bird) ถ้าดูจากภายนอกมันก็สวยงามไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ถ้าคุณได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับมันเพิ่มขึ้นอาจเปลี่ยนความคิดเลยก็ได้
มันเป็นนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ความสูงประมาณ 1 เมตร เป็นญาติกับเหยี่ยวและนกอินทรี มันได้รับชื่อนี้เนื่องจากขนนกบนหัวของมันมีลักษณะคล้ายกับขนนกที่เสมียนในศตวรรษที่ 18 ใช้เป็นปากกาหรือใช้ทัดหู และยังมีขนตาที่ยาวงอนเหมือนกับติดขนตาปลอมอีกด้วย
นกชนิดนี้มีความแตกต่างจากนกล่าเหยื่อส่วนใหญ่ เนื่องจากพวกมันมักจะหากินตามพื้น โดยอาหารของมันก็คือ ตั๊กแตน, หนู, นกขนาดเล็กที่ทำรังบนพื้นดินและสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “งู” นี่คือแซ่บหลายยยย
นกเลขานุการเป็นศัตรูตัวฉกาจของงูเพราะพวกเขาสามารถกำราบงูได้ทุกชนิดด้วยการถีบ ถีบ แล้วก็ถีบ จนงูหมดสภาพไปเลย นั่นจึงทำให้นกเลขานุการมีอีกหนึ่งฉายาว่า “นกล่างู” หรือจะเรียก นักล่าตาหวาน ก็น่ารักไปอีกแบบเนี่ย
7. หนอนเขาปิศาจ
นี่คือหนอนที่มีหน้าตาน่ากลัวที่สุดในโลก มันคือ ฮิคโครี่ ฮอนเนด เดวิว (Hickory Horned Devil) เป็นหนอนผีเสื้อ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืน Regal moth และเป็น 1 ในผีเสื้อสายพันธุ์ที่สวยและมีขนาดใหญ่ที่สุด ในบรรดาผีเสื้อกลางคืนทั้งหมด สามารถพบได้ทั่วไปทางภาคใต้ตอนล่างของอเมริกา
พวกมันจะมีความยาวประมาณ 12.5 – 14 ซม. หรือพอ ๆ กับขนาดของไส้กรอก แน่นอนว่าใหญ่ขนาดนี้มันก็ตกเป็นที่ต้องการของเหล่านักล่า อย่างเช่น นก แน่นอน ดังนั้นหนามที่คุณเห็นอยู่รอบตัวจึงเป็นอาวุธที่ใช้ในการปกป้องพวกมันจากนก ซึ่งหนามก็ไม่ได้แหลมคมอะไรเลยนะครับ เป็นเพียงแค่ติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาเพื่อทำให้นกกลืนมันได้ยากขึ้นเท่านั้นเอง
นี้กว่าที่มันจะวิวัฒนามาได้ถึงขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าพี่น้องของมันจะกลายเป็นอาหารสุดแซ่บให้นกไปมากเท่าแล้วเนี่ย นอกจากนั้นพวกมันยังมีลำตัวสีเขียวหรือสีเหลือง และที่บริเวณหัวจะมีเขาสีส้ม สีแดง และสีดำ ว่างทรงโหด ประมาณว่ามึงอย่าเข้ามากินกูนะเว้ย กูมีพิษนะ แต่ความจริงพวกมันไม่ได้มีพิษอะไรเลย
8. ปูจอมแฟชั่น
หากคุณคิดว่าวงการแฟชั่นจะมีเฉพาะมนุษย์คุณคิดผิดแล้ว เพราะนี้คือ เดคอเรเตอร์ แครป (Decorator Crab) หรือ ปูนักแต่งตัว ผู้นำแฟชั่นแห่งโลกใต้ท้องทะเล มันจัดเป็นปูที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับปูแมงมุม
เพราะร่างกายที่บอบบางเหล่านี้ของปูแมงมุมทำให้กลายเป็นจุดอ่อนดึงดูดศัตรูให้พุ่งเข้าใส่ได้ง่าย ดังนั้นเพื่อเอาชีวิตรอด ปูแมงมุมพวกนี้จึงต้องใช้กลยุทธ์ในการพรางตัวเลียนแบบธรรมชาติ โดยหยิบจับเอาวัสดุตามพื้น ไม่ว่าจะเป็นหิน ทราย เปลือกหอย ซากปะการัง สาหร่าย และอื่น ๆ อีกมากมาย มาติดประดับไว้ที่ตัว จนเป็นจุดกำเนิดของการแต่งตัว ที่เราได้เห็นกันนั่นเอง
โดยมันจะใช้ก้ามหนีบที่มีลักษณะคล้ายกับที่คีบ เพื่อแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ จากนั้นก็จะใช้ปากกัดชิ้นส่วนนั้นให้มีขนาดที่เหมาะสม เพื่อที่จะนำมาแปะติดไว้ที่กระดอง โดยจะเน้นเศษฟองน้ำใต้ทะเลที่มีพิษซึ่งเป็นอันตรายกับเหล่านักล่าที่จ้องจะงาบพวกมันนั้นเอง
หลายคนอาจคิดว่าการแต่งตัวของปูนั้น ทำเพื่ออำพรางตัวเพียงอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วพวกมันยังใช้การแต่งตัวให้สวยโดดเด่นแตกต่างจากสิ่งแวดล้อมเพื่อล่อเหยื่อและหาอาหารอีกด้วย!
บ่อยครั้งที่เราสามารถพบปูที่แต่งตัวด้วยวัสดุสีขาวตัดกับดงสาหร่ายสีแดงที่มันอาศัยอยู่ สาเหตุที่ทำเช่นนี้ เพื่อเป็นการใช้ความสวยงามหลอกล่อให้เหยื่อตายใจจนคิดว่ามันไม่ใช่ปู แต่เป็นปะการังสวย ๆ สักต้นหนึ่ง เมื่อเหยื่อเข้ามาหวังจะเชยชมความงาม รู้ตัวอีกทีก็อาจชะตาขาดโดยไม่ทันตั้งตัวไปเสียแล้ว
9. แมงมุมมด (Kerengga ant-like jumper)
มดถือเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง มีหนวดและมีขา 6 ขา แต่มีแมงมุมชนิดหนึ่งที่ดูคล้ายกับมดมากแต่มันมี 8 ขา จนทำให้มันถูกเรียกว่า “ แมงมุมมด ” โดยเราสามารถพบเจอพวกมันได้ในแถบเอชียตะวันออกเฉียงใต้และในบ้านเราตามต่างจังหวัดเนี่ยโคตรเยอะเลย
นอกจากมันจะดูคล้ายมดแล้ว มันยังลอกเลียนแบบมดได้เหมือนสุด ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างและพฤติกรรมรวมถึงสีสัน ส่วนขาที่เกินมาสองข้างนั้น เจ้าแมงมุมมด จะปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะคล้ายหนวดของมด รวมไปถึงตาและจุดดำรอบดวงตาด้านข้างของหัวก็ยังมีลักษณะคล้ายตามดอีกด้วย
การที่เจ้าแมงมุมมดแดงมีลักษณะรูปร่างแบบมดแดง ทำให้เหล่าผู้ล่าอื่นๆ พากันหลีกเลี่ยงมัน เพราะว่าคิดว่าเป็นมดแดงที่ก้าวร้าวและกัดเจ็บ นับเป็นการสรรค์สร้างที่ช่วยให้มันมีโอกาสรอดพ้นจากการล่าสูงขึ้น
หากมีโอกาสได้เจอฝูงมดแดง ลองสังเกตดีๆ เผื่อจะมีความลับที่เราไม่เคยรู้อย่างเช่น เจ้าแมงมุมมด จอมเนียนตัวอยู่ด้วยก็เป็นได้
10. หนอนอมตะ (Planaria)
พลานาเรีย เป็นสัตว์ในกลุ่มหนอนตัวแบน ที่อาศัยอยู่ใต้ก้อนหินก้นแม่น้ำหรือแหล่งน้ำจืดทั่วไป พวกมันมีร่างและสมองแบบง่าย ๆ ที่เกิดจากเซลล์ประสาทจำนวนมากมารวมตัวกัน และพวกมันก็ยังไม่รู้จักแก่อีกด้วยนะ นั้นเป็นเพราะ ผลจากเซลล์ต้นกำเนิดหรือ Stem Cell ที่กระจายอยู่ทั่วไปของร่างกายมันนั่นเอง
นอกจากนี้พวกมันยังมีส่วนต่างอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต ไส้ พุ่ง และปากที่ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ผิดที่ไปสักหน่อยก็ตามนะ
แค่นั้นยังไม่พอเพราะพวกมันยังมีความสามารถพิเศษแบบสุดขั้ว ก็คือ คุณไม่สามารถฆ่ามันได้ง่าย ๆ แม้จะหั่นมันเป็นหลาย 10 ท่อน มันก็งอกขึ้นมาเป็นตัวใหม่ได้ 10 ตัว นั่นจึงเป็นการเพิ่มจำนวนของพวกมันไปในตัว หลายคนสงสัยว่ามันทำได้ยังไง
นั่นก็เพราะ Stem Cell ของมันนั่นแหละ อีกทั้งพวกมันยังไม่ต้องสืบพันธุ์แบบมาศัยเพศอีกด้วย แต่มันจะใช้วิธีการที่เรียกว่า regeneration หรือ การงอกใหม่ นั่นเอง
แต่ถ้าคุณสับมันจนละเอียด อันนี้มันก็คงจะงอกใหม่ได้ยาก เคยมีการทดลองหั่นมันออกเป็นสองท่อน แยกหัวกับหาง พวกเขาเชื่อว่าส่วนที่มีหัวติดไปน่าจะรอดแค่ฝั่งเดียว และสังเกตุดูว่าส่วนหางของมันจะงอกได้ไหม สรุปคือมันก็จะมีหัวงอกขึ้นได้อยู่ดี
ที่มา : โอ้โหจริงดิ